ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (อินทร์บุรี-เชียงใหม่) เป็นเส้นทางหลวงสายหลัก
เชื่อมการคมนาคมระหว่างจังหวัดในภาคกลางกับจังหวัดในภาคเหนือด้านตะวันออก
และจังหวัดภาคเหนือด้านตะวันตก โดยเริ่มต้นจากทางแยกต่างระดับอินทร์บุรี ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ทางหลวงสายเอเชีย) อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ที่อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ และเป็นเส้นทางตรงขึ้นไปทางทิศเหนือ
ผ่านอำเภอไพศาลี อำเภอหนองบัว เข้าสู่เขตจังหวัดพิจิตร ผ่านอำเภอดงเจริญ แล้วตัดกับทางหลวงหมายเลข 113 (พิจิตร-บ้านวังชมภู)
ที่บ้านเขาทราย อำเภอทับคล้ออำเภอวังทรายพูน อำเภอสากเหล็ก เข้าสู่เขตจังหวัดพิษณุโลก โดยบรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ที่อำเภอวังทอง โดยใช้เส้นทางร่วมกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
12 จนถึงสี่แยกอินโดจีน ตำบลสมอแข อำเภอเมืองพิษณุโลก จึงได้เริ่มต้นเส้นทางอีกครั้งหนึ่ง
ขึ้นไปทางทิศเหนือ ผ่านอำเภอวัดโบสถ์ ตำบลทับยายเชียงอำเภอพรหมพิราม เข้าเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ ผ่านตำบลนาอิน ตำบลนายาง อำเภอพิชัย ตำบลน้ำอ่าง อำเภอตรอน ตำบลวังกะพี้ ตำบลป่าเซ่า ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลงิ้วงามอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ขึ้นเขาพลึงเข้าเขตจังหวัดแพร่ โดยบรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 (กำแพงเพชร-น่าน)
ที่ตำบลเด่นชัย อำเภอเด่นชัย และใช้เส้นทางร่วมกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
101 มาทางทิศใต้ แล้วเริ่มต้นเส้นทางที่ตำบลไทรย้อย อำเภอเด่นชัย ไปทางทิศตะวันตก
ผ่านอำเภอลอง เข้าเขตจังหวัดลำปาง ผ่านอำเภอแม่ทะ เข้าสู่เส้นทางเลี่ยงเมืองลำปางที่ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง ตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านอำเภอห้างฉัตร ขึ้นเขาขุนตาล
เข้าสู่เขตจังหวัดลำพูน ผ่านอำเภอแม่ทา อำเภอเมืองลำพูน เข้าสู่เขตจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านอำเภอสารภี อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยเป็นถนนอ้อมเมืองเชียงใหม่หรือหากนับเป็นถนนวงแหวน
ถนนสายนี้ถือเป็นถนนวงแหวนรอบในของเมืองเชียงใหม่
ไปสิ้นสุดเส้นทางโดยบรรจบกับถนนสุเทพในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ใกล้ทางแยกเข้ากองบิน41
เนื่องจากทางหลวงแผ่นดินสายนี้
ก่อสร้างในระยะเวลาแตกต่างกันเป็นช่วง ๆ ทำให้มีเส้นทางไม่ติดต่อกัน โดยกรมทางหลวง ได้ก่อสร้างเส้นทางช่วงลำปาง-เชียงใหม่
เป็นลำดับแรกในช่วงปี พ.ศ. 2512 ต่อมาได้ก่อสร้างเส้นทางช่วงพิษณุโลก-เด่นชัย
โดยบางส่วนทับแนวทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1086 (พิษณุโลก-วัดโบสถ์)
ที่สร้างไว้เดิม ในช่วงปี พ.ศ. 2524 ยกระดับทางหลวงหมายเลข
112 (วังทอง-บ้านเขาทราย)
พร้อมกับก่อสร้างเส้นทางช่วงอินทร์บุรี-เขาทรายในช่วงเวลาเดียวกัน และก่อสร้างเส้นทางช่วงเด่นชัย-ลำปางเป็นลำดับสุดท้าย
จึงแล้วเสร็จตามโครงการตลอดสาย
ในช่วงปีพ.ศ. 2549-2550 กรมทางหลวงได้ก่อสร้างเส้นทางช่วงเลี่ยงเมืองลำปาง
จากสามแยกโยนก (หน้าศูนย์ราชการจังหวัดลำปาง) ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง ไปบรรจบกับเส้นทางช่วงลำปาง-เชียงใหม่
ที่สี่แยกภาคเหนือ ทำให้เส้นทางสายนี้เชื่อมต่อกันตั้งแต่อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ จนถึงอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่
ในปัจจุบันกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม
ได้รับโอนสายทาง ถนนนิมมานเหมินทร์ จากเทศบาลนครเชียงใหม่ ระยะทาง 1+327 กม.ทำให้สายทางหลวงแผนดินหมายเลข
11 ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ในปัจจุบันมีระยะทางเพิ่มขึ้น 1+327
กม. โดยถนนช่วงนี้จะเป็นช่วงถนนนิมานเหมินทร์ทั้งสายจากแยกรินคำ
บรรจบกับถนนสุเทพ ใกล้แยกทางเข้ากองบิน 41 เพื่อรองรับโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยาย
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่
- แยกรินคำ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (โครงการเดิมถูกยกเลิกไป
ปัจจุบันได้มีการนำมาศึกษาความเป็นไปได้ใหม่
และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีที่มาประชุมรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 15
มกราคม 2555)
แต่เดิม
ถนนสายนี้ทั้งหมดเป็นถนนขนาด 2 ช่องทางจราจร วิ่งสวนกัน แล้วในปี 2544
ถนนได้รับการขยายเป็นถนนขนาด 4 ช่องทางจราจร
โดยแบ่งเป็นถนนขาไป และขากลับ ฝั่งละ 2 ช่องทางจราจร
โดยถนนช่วงลำปาง-เชียงใหม่ ได้รับการขยายเป็น 4 ช่องทางจราจรเป็นช่วงแรก
ซึ่งเสร็จเมื่อปี 2544 แล้วต่อมา เมื่อปี 2547 ช่วงพิษณุโลก-อุตรดิตถ์ก็ได้รับการขยายให้เป็นถนน 4 ช่องทางจราจรแบบดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์
ในขณะที่ช่วงอุตรดิตถ์-เด่นชัย ก็ได้รับการขยายเป็น 4 ช่องทางจราจรแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งช่วงแล้ว
เมื่อปี 2555 ส่วนถนนช่วง อ.เด่นชัย-ลำปาง ช่วงลำปาง-อ.
แม่ทะ ก็ได้รับการขยายเป็นถนน 4 ช่องทางจราจรแล้ว
และแนวถนนจากอ. แม่ทะ-อ. เด่นชัย รวมทั้งทางหลวงหมายเลข 101 ในช่วงอำเภอเด่นชัย
ปัจจุบันยังคงเป็นถนน 2 ช่องทางจราจร วิ่งสวนกัน
ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาแนวเส้นทาง เพื่อที่จะดำเนินการขยายให้เป็นถนน 4 ช่องทางจราจร ไป-กลับ ตลอดแนว ส่วนช่วงวังทอง-สากเหล็ก
ก็ได้รับการขยายเป็นถนน 4 ช่องทางจราจรแล้ว ส่วนที่เหลือ
ตั้งแต่สากเหล็ก-อินทร์บุรี ก็ยังคงเป็นถนน 2 ช่องทางจราจร
วิ่งสวนกัน
ทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 หรือมอเตอร์เวย์สายเหนือ
เป็นโครงการทางหลวงพิเศษเชื่อระหว่างเมือง
เริ่มต้นจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขึ้นสู่ภาคเหนือ ไปสิ้นสุดที่จังหวัดเชียงราย เป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายเส้นทางในแผนแม่บทระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีพลเอกชวลิต
ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 22 เมษายน
พ.ศ. 2540 ทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างเส้นทาง
6 สายต่อเนื่องกัน (ระยะทางตามมติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2540)
ได้แก่
-
สายบางปะอิน-นครสวรรค์ ระยะทาง 175 กิโลเมตร
-
สายนครสวรรค์-พิษณุโลก ระยะทาง 142 กิโลเมตร
-
สายพิษณุโลก-ลำปาง ระยะทาง 182 กิโลเมตร
-
สายลำปาง-ลำพูน ระยะทาง 60 กิโลเมตร
-
สายลำพูน-เชียงใหม่ ระยะทาง 39 กิโลเมตร
-
สายเชียงใหม่-เชียงราย ระยะทาง 151 กิโลเมตร
โดยจะเริ่มดำเนินการสายบางปะอิน-นครสวรรค์
เป็นเส้นทางแรกเป็นโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 ที่เริ่มดำเนินการเป็นโครงการแรก
แนวเส้นทางส่วนใหญ่อยู่ในเขตทางของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) โดยมีแนวเส้นทางตัดใหม่ช่วงต้นและช่วงปลายของเส้นทาง
รวมระยะทางประมาณ 206
กิโลเมตร
แนวเส้นทางตัดใหม่ช่วงต้น
เริ่มจากปลายถนนกาญจนาภิเษก
(ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก) บริเวณจุดตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
1 (ถนนพหลโยธิน) บ้านคลองสอง อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เบี่ยงไปทางทิศตะวันออก
ผ่านจุดตัดโครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ไปบรรจบกับแนวทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
32 ที่อำเภอบางปะอิน เป็นทางหลวงพิเศษขนาด
8 ช่องจราจร ระยะทาง 10.1 กิโลเมตร
แนวเส้นทางช่วงกลาง
อยู่ในเขตทางของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย)
เริ่มต้นจากบริเวณตำบลบ้านหว้า อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผ่านจังหวัดอ่างทองและสิงห์บุรี ไปจนถึงบ้านดอนเดื่อ
ตำบลศิลาดานอำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ระยะทาง 135.5 กิโลเมตรเส้นทางช่วงนี้ออกแบบเป็นทางหลวงพิเศษขนาด
6 และ 8 ช่องจราจร
โดยมีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ทดแทนขนานและจัดการจราจรทิศเดียวกันกับทางหลวงพิเศษทั้ง
2 ฝั่ง พร้อมจุดกลับรถ
สำหรับการจราจรท้องถิ่นและผู้ที่ไม่ต้องการใช้ทางหลวงพิเศษ
แนวเส้นทางตัดใหม่ช่วงปลาย
เริ่มจากแนวทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ที่อำเภอมโนรมย์
จังหวัดชัยนาท เบี่ยงออกไปทางด้านทิศตะวันตก ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสู่เขตจังหวัดนครสวรรค์ อ้อมผ่านอำเภอพยุหะคีรีด้านทิศตะวันตก อำเภอโกรกพระและตัวเมืองนครสวรรค์ด้านทิศตะวันตก
ตัดถนนพหลโยธิน ข้ามแม่น้ำปิง ไปสิ้นสุดโครงการที่จุดบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117 บริเวณบ้านบึงน้ำใส อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เป็นทางหลวงพิเศษขนาด
4 ช่องจราจร ระยะทาง 60.5 กิโลเมตร
การเชื่อมต่อโครงข่ายทางหลวง
ประกอบด้วยทางแยกต่างระดับ 11 จุด
ซึ่งเป็นการก่อสร้างใหม่และปรับปรุงทางแยกต่างระดับเดิม
โดยจุดอื่นนอกเหนือจากนี้จะมีการก่อสร้างสะพานทางหลวงสายรองข้ามทางหลวงพิเศษ พร้อมวงเวียนกลับรถปลายสะพานข้ามทางหลวงพิเศษ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
-
ทางแยกต่างระดับบางปะอิน: ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา และถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก
-
ทางแยกต่างระดับอยุธยา (ปรับปรุง): ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 309 (ถนนโรจนะ
อยุธยา-วังน้อย)
-
ทางแยกต่างระดับบางปะหัน: ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 347
จังหวัดอ่างทอง
-
ทางแยกต่างระดับอ่างทอง (ปรับปรุง): ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
3267
จังหวัดสิงห์บุรี
-
ทางแยกต่างระดับสิงห์บุรี-1: ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 311 (ถนนสิงห์บุรี-ลพบุรี)
-
ทางแยกต่างระดับสิงห์บุรี-2: ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
335 (ถนนเข้าเมืองสิงห์บุรี)
-
ทางแยกต่างระดับอินทร์บุรี: ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (ถนนอินทร์บุรี-วังทอง)
จังหวัดชัยนาท
- ทางแยกต่างระดับชัยนาท (ปรับปรุง): ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
1 (ถนนพหลโยธิน
ช่วงตาคลี-ชัยนาท)
จังหวัดนครสวรรค์
-
ทางแยกต่างระดับอุทัยธานี: ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 333 (ถนนเข้าเมืองอุทัยธานี)
-
ทางแยกต่างระดับนครสวรรค์-1: ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1
(ถนนพหลโยธิน ช่วง
นครสวรรค์-กำแพงเพชร)
-
ทางแยกต่างระดับนครสวรรค์-2: ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117 (ถนนนครสวรรค์-พิษณุโลก)
ศูนย์บริการทางหลวงและสถานีบริการทางหลวง
มีศูนย์บริการทางหลวง 2 แห่ง
คือบริเวณทางแยกต่างระดับสิงห์บุรี-1 แยกเข้าจังหวัดลพบุรี (กม.68
ขาล่องเข้ากรุงเทพฯ และ กม.72 ขาขึ้นไปนครสวรรค์)
และบริเวณถัดจากทางแยกต่างระดับอุทัยธานี (กม. 169) นอกจากนี้ยังมีสถานีบริการทางหลวง
ที่มีขนาดเล็กกว่าศูนย์บริการทางหลวง
โดยใช้พื้นที่สถานีบริการทางหลวงเดิมในปัจจุบันที่อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท
ถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี หรือ ถนนวงแหวนรอบกลาง หรือ ทางหลวงชนบทหมายเลข ชม
3029 เป็นทางหลวงในจังหวัดเชียงใหม่ มีเส้นทางอ้อมรอบตัวเมืองเชียงใหม่จึงเป็นเสมือนถนนวงแหวนของเมือง
มีขนาดหกช่องจราจร ความยาวทั้งสิ้น 26 กิโลเมตร
โดยถนนสายนี้มีการออกแบบให้เป็นทางลอดและทางต่างระดับทั้งหมดเมื่อตัดกับถนนหลักสายอื่น
ๆ ซึ่งมีจำนวนทางลอดทั้งสิ้น 7 แห่ง และทางต่างระดับ 1
แห่ง ถนนเส้นนี้มีกรมทางหลวงชนบทเป็นผู้ดูแล
ประวัติและการก่อสร้าง
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2537 มอบหมายให้กรมโยธาธิการดำเนินการก่อสร้าง
ต่อมาเมื่อมีการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 โครงการนี้จึงไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท ตัวโครงการออกแบบและก่อสร้างตามแนวผังเมืองรวมของจังหวัดเชียงใหม่
ฉบับที่ 78
(พ.ศ. 2532) มีรหัสโครงการ "ฌ3"
กำหนดให้เป็นถนน 6 ช่องจราจร ระยะทางรวม 26
กิโลเมตร เริ่มจากบริเวณถนนเลียบคลองส่งน้ำชลประทาน หน้าสนามกีฬา 700
ปี จังหวัดเชียงใหม่ สิ้นสุดที่ถนนเลียบคลองส่งน้ำชลประทาน สายแม่แตง–หางดง ในเส้นทางมีสะพานข้ามแม่น้ำปิง 2 แห่ง
สะพานข้ามทางรถไฟ 1 แห่ง ทางลอด 7 แห่ง
ที่จุดตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 107 1001 118 10061317 106 และ 108 ทางต่างระดับ
1 แห่ง ที่จุดตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ซึ่งบริเวณทางต่างระดับได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์เป็นสวนสาธารณะชื่อ
"สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติฯ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี"
นอกจากนี้ยังตั้ง "ศูนย์ควบคุมและบำรุงรักษาถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี" เพื่อควบคุมระบบควมคุมการจราจร ระบบระบายน้ำ ระบบไฟฟ้า
และระบบบันทึกกล้องโทรทัศน์วงจรปิดสำหรับผู้ริเริ่มก่อสร้างถนนทางขึ้นสู่ดอยสุเทพคือ ครูบาศรีวิชัย ได้กำหนดฤกษ์ที่จะลงมือขุดจอบแรกสำหรับการสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2477 โดยมีเจ้าแก้วนวรัฐเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ทรงเป็นผู้ขุดจอบแรกเป็นปฐมฤกษ์ ใช้เวลาก่อสร้าง 5 เดือน 22 วัน กระทั่งวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2478 จึงเปิดถนนให้รถขึ้นดอยสุเทพเป็นครั้งแรก ซึ่งในขณะนั้นเป็นถนนดินลูกรัง มีระยะทาง 11.530 กิโลเมตร
-
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
-
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
-
สวนสัตว์เชียงใหม่
-
อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย
-
ดอยสุเทพ
-
พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1009 (แยกทางหลวงหมายเลข
108 (จอมทอง) – ดอยอินทนนท์) เป็นทางหลวงแผ่นดินขนาด 2
ช่องจราจร เชื่อมระหว่างอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
สิ้นสุดที่ยอดดอยอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และบรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1192 ที่กิโลเมตรที่
32 อีกด้วย
รายละเอียดของเส้นทาง
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1009 เป็นเส้นทาง
2 ช่องจราจร เริ่มจากแยกทางหลวงหมายเลข 108 บริเวณกิโลเมตรที่ 57 ในอำเภอจอมทอง
จังหวัดเชียงใหม่ และตัดขึ้นอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ลักษณะเส้นทางจะลาดชันขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่คดเคี้ยวมากนัก
โดยอยู่ในความควบคุมของสำนักทางหลวงที่ 1(เชียงใหม่)
แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 1 มีระยะทางทั้งสิ้น 46.7 กิโลเมตร
ทางแยกที่สำคัญ
มีทางแยก 2 แห่ง
คือ แยกทางหลวงหมายเลข 1284 (แยกทางหลวง 1009 - บ้านขุนวาง) บริเวณกิโลเมตรที่ 26 และทางแยกทางหลวงหมายเลข
1009 - แม่แจ่ม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1192)
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 (แยกทางหลวงหมายเลข
1 (เถิน)-ต่อเขตเทศบาลนครเชียงใหม่) เป็นถนนขนาด 2 ช่องจราจร มีแนวเส้นทางเริ่มจากทางแยกถนนพหลโยธิน(ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
1) อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ผ่านอำเภอลี้ อำเภอบ้านโฮ่ง อำเภอเวียงหนองล่อง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน และตัดเข้าตัวเมืองเชียงใหม่
สิ้นสุดที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางลัดจากถนนพหลโยธิน
ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญ เช่น อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติออบหลวง โดยไม่ต้องผ่านตัวเมืองเชียงใหม่
และสามารถใช้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 108 เข้าสู่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ได้โดยไม่ต้องเริ่มจากตัวเมืองเชียงใหม่
แต่ไม่เป็นที่นิยมนักเนื่องจากช่วงอำเภอเถิน ถึงอำเภอลี้
(รอยต่อระหว่างจังหวัดลำปางและจังหวัดลำพูน) เป็นทางแคบ ตัดขึ้นภูเขาสูง และคดเคี้ยวมาก
จึงไม่เหมาะในการสัญจรในเวลากลางคืน
โดยส่วนที่แคบและคดเคี้ยวนั้นคือส่วนที่ตัดผ่านอุทยานแห่งชาติดอยจง
ช่วงเชียงใหม่–ลำพูน
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 ช่วงจังหวัดลำพูนและเชียงใหม่นั้น
มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์คือ มีต้นขี้เหล็กและต้นยางนาสูงใหญ่ปลูกเรียงรายตลอดสองข้างทางตั้งแต่ลำพูนจนถึงเชียงใหม่
จนเรียกกันว่าเป็น "ถนนสายต้นยาง" หรือ "ถนนต้นยาง"
ประวัติ
ถนนช่วงเชียงใหม่-ลำพูน
เป็นเส้นทางที่ผูกพันกับปิงห่าง ต้นยาง
และต้นขี้เหล็ก ในอดีตแม่น้ำปิงจะไหลผ่านทางทิศตะวันออกของเวียงกุมกาม เมืองหริภุญชัย และวัดอรัญญิกรัมการาม
(วัดดอนแก้ว)
ซึ่งเป็นสี่มุมเมืองในสมัยพระนางจามเทวี เมื่อคราวที่พญามังรายยึดครองเมืองหริภุญชัย
และสร้างเมืองใหม่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหริภุญชัย ชื่อว่า เมืองชะแว
ได้เกิดน้ำท่วม จึงย้ายไปสร้างเมืองแห่งใหม่ คอื เวียงกุมกาม ทำให้แม่น้ำปิง
เกิดการเปลี่ยนทางไหลผ่านเข้าในตัวเมืองหริภุญชัย และไหลผ่านหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัยในสมัยพญามังรายในราว พ.ศ. 2101 สมัยท้าวแม่กุ
(พระเจ้าเมกุฏิ) แม่น้ำปิงยังไหลผ่านทางทิศตะวันออกของเวียงกุมกาม
และตัวเมืองหริภุญชัยอยู่ ในระหว่างปี พ.ศ. 2101-2317 อาณาจักรบริเวณนี้อยู่ภายใต้การปกครองของพม่า
จนถึงราวปี พ.ศ. 2317 มีบันทึกว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกทัพตามแม่น้ำปิง
(สายปัจจุบัน) ที่ไหลผ่านทิศตะวันตกของเวียงกุมกามและเมืองหริภุญชัย
ซึ่งแสดงว่าแม่น้ำปิง เกิดการเปลี่ยนร่องน้ำ
ในระหว่างที่พม่าปกครองพื้นที่ดังกล่าว
แม้ว่าแม่น้ำปิงจะมีการเปลี่ยนร่องน้ำ
แต่ยังปรากฏว่ามีการตั้งถิ่นฐานของราษฎรตามแนวแม่น้ำปิงสายเดิม (ปิงห่าง) ทำให้เกิดเส้นทางคมนาคมทางบกเลียบตามแนวแม่น้ำสายดังกล่าว
เป็นเส้นทางสายหลักในการติดต่อค้าขายระหว่างชาวเมืองเชียงใหม่
และเมืองลำพูนมาจนปัจจุบัน
ถนนสายเลียบแม่น้ำปิงห่าง
หรือถนนเชียงใหม่-ลำพูน มีการสร้างถนนอย่างเป็นทางการขึ้น โดยพระยาทรงสุรเดช (อั้น
บุนนาค) ข้าหลวงใหญ่มณฑลลาวเฉียง ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2438 เริ่มสร้างตั้งแต่เชิงสะพานนวรัฐ (หน้าโรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียนในปัจจุบัน)
เลียบตามแนวแม่น้ำปิงห่างจนถึงเมืองลำพูน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2454 ทางราชการได้นำต้นยางนามาให้ราษฎรช่วยกันปลูก
เพื่อความร่มรื่น สวยงามตลอดสองข้างทางในเขตจังหวัดเชียงใหม่
ส่วนในเขตจังหวัดลำพูน ได้ปลูกต้นขี้เหล็ก
รวมจำนวนต้นไม้ตลอดเส้นทางสายนี้มีจำนวนกว่าสองพันต้น ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 10 ถึง 20
วา จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของถนนสายนี้จนถึงปัจจุบัน
แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 2
แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 2
ตอน 0100 เชียงใหม่-ขี้เหล็กหลวง
กิโลเมตรที่ 4+172 ถึงกิโลเมตรที่ 30+893 รวมระยะทาง 26.721 กิโลเมตร
แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3
ตอน 0201 ขี้เหล็กหลวง-สวนสน
กิโลเมตรที่ 30+893 ถึงกิโลเมตรที่ 43+300 รวมระยะทาง 12.407 กิโลเมตร
ตอน 0202 สวนสน-ปิงโค้ง
กิโลเมตรที่ 43+300 ถึงกิโลเมตรที่ 84+738 รวมระยะทาง 41.438 กิโลเมตร
ตอน 0203 ปิงโค้ง-ล้องอ้อ
กิโลเมตรที่ 84+738 ถึงกิโลเมตรที่ 41.438 รวมระยะทาง 54.255 กิโลเมตร
ตอน 0204 ล้องอ้อ-เมืองงาม
กิโลเมตรที่ 138+993 ถึงกิโลเมตรที่ 205+121 205+121รวมระยะทาง 66.128 กิโลเมตร
แขวงการทางเชียงรายที่ 1
ตอน 0300 เมืองงาม-แม่จัน
กิโลเมตรที่ 205+121 ถึงกิโลเมตรที่ 240.301 รวมระยะทาง 35.180 กิโลเมตร
ความสำคัญ
ทางหลวงสายนี้เป็นทางหลวงสายหลักของจังหวัดเชียงใหม่ในการติดต่อกับอำเภอต่างๆทางทิศเหนือ
และเชื่อมต่อไปยังจังหวัดเชียงราย
รายละเอียดของเส้นทาง
เส้นทางนี้อยู่ในความดูแลของแขวงการทางเชียงใหม่ที่
1 และแขวงการทางแม่ฮ่องสอน สำนักทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) กรมทางหลวง เริ่มต้นจากคูเมืองเชียงใหม่ บริเวณสามแยกประตูเชียงใหม่ ตัดถนนช่างหล่อ
ในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ (ช่วงถนนวัวลาย)
ผ่านอำเภอหางดง สันป่าตอง ดอยหล่อ จอมทอง และฮอด จังหวัดเชียงใหม่
จากนั้นเข้าสู่เขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน ณกิโลเมตรที่ 68+500 (นับจากอำเภอฮอด) ผ่านอำเภอแม่สะเรียง แม่ลาน้อย ขุนยวม ก่อนเข้าสู่เขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน สิ้นสุดเส้นทางบนถนนขุนลุมประพาส
ผ่านใจกลางเมือง และต่อเนื่องไปสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1095 (ถนนปาย-แม่มาลัย) รวมระยะทางประมาณ
350 กิโลเมตร แบ่งออกเป็นช่วงเชียงใหม่-ฮอด ระยะทาง 88 กิโลเมตร
และช่วงฮอด-แม่ฮ่องสอน ระยะทาง 265 กิโลเมตร
ซึ่งเส้นทางในช่วงหลังนี้จะเริ่มนับหลักกิโลเมตรที่ 0 จากวงเวียนอำเภอฮอด
ไปจนถึงแม่ฮ่องสอน
เส้นทางส่วนใหญ่เป็นถนนลาดยางขนาด
2 ช่องจราจร ไป-กลับ ยกเว้นช่วงสี่แยกสนามบินเชียงใหม่
จนถึงก่อนเข้าตัวอำเภอหางดง และช่วงที่ผ่านตัวอำเภอฮอด เป็นถนน 4 ช่องจราจร ไป-กลับ มีเกาะกลาง ทั้งนี้
เส้นทางช่วงต้นจากคูเมืองเชียงใหม่ไปจนถึงสี่แยกสนามบินเป็นเส้นทางดั้งเดิมของเมืองเชียงใหม่
และใช้ชื่อเดิมคือถนนวัวลาย แต่ส่วนที่เหลือไม่มีชื่อที่เฉพาะเจาะจง
นอกจากเส้นทางปกติจากเชียงใหม่ถึงแม่ฮ่องสอนแล้ว
ยังมีทางหลวงหมายเลข 108
ที่สร้างขึ้นใหม่ คือ ถนนเลี่ยงเมืองแม่ฮ่องสอน (สายใหม่) เชื่อมต่อจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
1250 (ถนนทางเข้าเรือนประทับแรมโป่งแดง) ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมือง
ผ่านด้านทิศตะวันตกของดอยกองมู
และสิ้นสุดเส้นทางที่สามแยกตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1095 (ปาย-แม่มาลัย)
บริเวณก่อนถึงสะพานข้ามแม่น้ำปายที่บ้านปางหมู
ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปทางทิศเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นถนน 2
ช่องจราจร ไป-กลับ
ประวัติการก่อสร้างเส้นทาง
แนวเส้นทางถนนสายนี้ ดั้งเดิมใช้ในการเดินทางขนส่งและติดต่อค้าขายบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาแต่โบราณ
เนื่องจากเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเมืองเชียงใหม่ ศูนย์กลางอาณาจักรล้านนา และเมืองมะละแหม่งเมืองท่าชายฝั่งทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย ในรัฐมอญ ประเทศพม่า โดยผ่านชายแดนบริเวณแม่น้ำสาละวินที่อำเภอแม่สะเรียง
ภายหลัง
กรมทางหลวงได้เริ่มก่อสร้างถนนสายนี้ขึ้นจากเส้นทางลำลอง กลายเป็นเส้นทางลูกรัง ในช่วงปี พ.ศ. 2500-2506 ขนาดกว้างประมาณ
5.00 เมตร คันทางกว้างประมาณ 7-9 เมตร จนกระทั่งช่วงปี พ.ศ. 2530-2533 จึงเริ่มมีโครงการปรับปรุงเป็นผิวถนนคอนกรีตแอสฟัลต์
โดยแบ่งทำเป็นตอน ๆ ในช่วงฮอด-แม่สะเรียง, แม่ลาน้อย-ขุนยวม, ขุนยวม-บ้านห้วยโป่ง, บ้านห้วยโป่ง-ต่อเขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน
และแม่สะเรียง-แม่ลาน้อย
จนสามารถปรับปรุงผิวทางได้แล้วเสร็จตลอดทั้งเส้นทางในช่วงปี พ.ศ. 2541
ความสำคัญ
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 109 เป็นทางสายหลักที่ใช้ในการติดต่อระหว่าง อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และ อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
เขตการควบคุม
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 109 แบ่งเขตการควบคุมออกเป็น
2 ตอน ดังนี้ตอน 0100 แม่สรวย-ห้วยป่าไร่
จากกิโลเมตรที่ 0+000 ถึงกิโลเมตรที่ 31+425 ระยะทาง 31.425 กิโลเมตร
อยู่ภายใต้การควบคุมของหมวดการทางแม่สรวย แขวงการทางเชียงรายที่ 1ตอน 0200 ห้วยป่าไร่-ฝาง
จากกิโลเมตรที่ 31+425 ถึงกิโลเมตรที่ 61+133 ระยะทาง 29.708 กิโลเมตร อยู่ภายใต้การควบคุมของหมวดการทางฝาง
แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3
รายละเอียดของเส้นทาง
รายละเอียดของเส้นทาง
เป็นถนนขนาด 2 ช่องจราจร
ไป-กลับ เริ่มต้นจากสามแยกแม่มาลัย จุดตัดถนนโชตนา (ถนนสายเชียงใหม่-ฝาง) บริเวณตลาดแม่มาลัย
ตำบลขี้เหล็ก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เข้าสู่เขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ผ่านอำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า และอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เข้าสู่เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน
ก่อนสิ้นสุดเส้นทางบนถนนขุนลุมประพาส ผ่านใจกลางเมือง
และต่อเนื่องไปเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ตลอดเส้นทางมีลักษณะคดเคี้ยวและขึ้นเขาสูงชันเป็นส่วนใหญ่
ทางแยกที่สำคัญ
-
แยกแม่มาลัยเดิม (บ้านแม่มาลัย)
-
ทางแยกบรรจบถนนเลี่ยงเมืองแม่มาลัย
-
ทางเข้าอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
-
แยกแม่ปิง (ไปบ้านวัดจันทร์) กม.85
-
แยกราษฎร์ดำรง (ปาย-แม่เย็น-ท่าปาย)
-
แยกเข้าถ้ำลอด
-
แยกนาปู่ป้อม กม.152
-
แยกทุ่งมะส้าน (แม่ฮ่องสอน-นาปลาจาด-ห้วยผึ้ง)
กม.188
-
ทางเข้าถ้ำปลา
-
ทางแยกเข้า บ.หมอกจำแป่
-
แยกกุงไม้สัก (ไปบ้านรักไทย)
-
แยกปางหมู (เลี่ยงเมืองแม่ฮ่องสอนสายใหม่)
-
แยกทุ่งกองมู
-
แยกประตูเมืองแม่ฮ่องสอนทิศใต้
(เลี่ยงเมืองแม่ฮ่องสอนสายเดิม)
-
แยกสะพานขัวแดง
-
แยกปางล้อนิคม
-
แยกประชาอุทิศ (ประชาอุทิศ-ขุนลุมประพาส ซอย 2)
-
แยกหลังตลาดสด (ถนนพาณิชย์วัฒนา)
-
สี่แยกกลางเมืองแม่ฮ่องสอน
สถานที่สำคัญบนเส้นทาง
-
อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังและโป่งเดือดป่าแป๋
-
อำเภอปาย
-
ถ้ำลอดปางมะผ้า
-
อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ
-
พระตำหนักปางตอง
-
โครงการตามพระราชดำริปางตอง
1 (บ้านห้วยมะเขือส้ม), 2 (ปางอุ๋ง) และ 3 (หมอกจำแป่-แม่สะงา) และหมู่บ้านรักไทย
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1192 (แยกทางหลวงหมายเลข
1009 – แม่แจ่ม) เป็นเส้นทางสายรองที่ใช้เข้าสู่อำเภอแม่แจ่ม
จังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งใช้เป็นเส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์อีกเส้นทางหนึ่งทางฝั่งอำเภอแม่แจ่มอีกด้วย
รายละเอียดของเส้นทาง
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1192 เป็นเส้นทาง
2 ช่องจราจร เริ่มจากแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1009 ณ
หลักกิโลเมตรที่ 26
สิ้นสุดที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
ระยะทางทั้งสิ้น 20.88
กิโลเมตร อยู่ในความควบคุมของสำนักทางหลวงที่ 1(เชียงใหม่) แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 1
รายละเอียดของเส้นทาง
รายละเอียดของเส้นทาง
เป็นถนนขนาด 2 ช่องจราจร
ไป-กลับ ผิวทางลาดยาง เส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางคดเคี้ยวขึ้นลงเขา แต่ไม่สูงชันมากนัก
อยู่ในความดูแลของสำนักทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) กรมทางหลวง แบ่งการดูแลออกเป็น
2 ช่วง
ช่วงขุนยวม-ปางอุ๋ง ระยะทาง 20.525 กิโลเมตร อยู่ในความดูแลของแขวงการทางแม่ฮ่องสอน
เส้นทางเริ่มต้นจากสามแยกขุนยวม แยกขวาจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 (มุ่งหน้าตัวเมืองแม่ฮ่องสอน) บริเวณกิโลเมตรที่ 201.1872 หน้าโรงเรียนขุนยวมวิทยา ตำบลขุนยวม
อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผ่านตำบลแม่อูคอ ที่หมู่บ้านปู่กู บ้านใหม่พัฒนา
บ้านนางิ้ว บ้านหัวปอน สิ้นสุดที่เส้นแบ่งเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนกับจังหวัดเชียงใหม่
บริเวณดอยมือกา ใกล้หมู่บ้านปางอุ๋ง
ช่วงปางอุ๋ง-แม่นาจร ระยะทาง 46.200 กิโลเมตร อยู่ในความดูแลของหมวดการทางแม่แจ่ม แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 1
ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
เริ่มต้นจากบริเวณหมู่บ้านปางอุ๋ง ตำบลแม่ศึก สิ้นสุดเส้นทางที่สามแยกแม่ศึก
จุดตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1088 (แม่แจ่ม-วัดจันทร์)
ใกล้หมู่บ้านแม่นาจร ตำบลแม่นาจร
ประวัติการก่อสร้างเส้นทาง
ช่วงขุนยวม-ปางอุ๋ง ระยะทาง 20.525 กิโลเมตร
เดิมเส้นทางนี้ระหว่างกิโลเมตรที่
0 ถึง 10.800 เป็นทางลำลอง กว้าง 3-4 เมตร เป็นทางดินตลอด ใช้ได้เฉพาะฤดูแล้ง ต่อมาหน่วยทหารช่างก่อสร้างที่ 4 ได้ก่อสร้างและขยายเป็นทางมาตรฐาน
พร้อมกับก่อสร้างและบุกเบิกเส้นทางส่วนที่เหลือช่วงกิโลเมตรที่ 10.800-20.517
จากนั้นได้มอบสายทางนี้ให้กับกรมทางหลวงเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2523
ช่วงปางอุ๋ง-แม่นาจร ระยะทาง 46.200 กิโลเมตร กรมทางหลวงได้รับมอบสายทางจากกองทัพภาคที่
3 ในช่วงปี
พ.ศ. 2536-2537
ทางแยกที่สำคัญ
-
สามแยกขุนยวม ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108
-
สามแยกบ้านนางิ้ว (กิโลเมตรที่ 12.100) ตัดทางหลวงชนบท มส.4009
(แยกทางหลวง หมายเลข 1263-บ้านหนองเขียว)
เส้นทางไปทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ
-
สามแยกแม่ศึก ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1088
รายละเอียดของเส้นทาง
รายละเอียดของเส้นทาง
เส้นทางนี้อยู่ในการดูแลของแขวงการทางแม่ฮ่องสอน
สำนักทางหลวงที่ 1
(เชียงใหม่) กรมทางหลวง เริ่มต้นจากแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1095 (ถนนแม่มาลัย-ปาย)
กิโลเมตรที่ 85+225 ด้านซ้ายทาง (จากแม่มาลัย) ที่บ้านแม่ปิง
ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เลียบไปตามริมฝั่งห้วยแม่ยะและแม่น้ำปาย ผ่านบ้านเมืองแปง
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ ข้ามแม่น้ำแม่แจ่ม และสิ้นสุดที่หมู่บ้านวัดจันทร์
ตำบลบ้านจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ที่แยกตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
1349 (สะเมิง-วัดจันทร์)
รวมระยะทาง 43.913 กิโลเมตร เส้นทางเป็นถนนลาดยางขนาด 2
ช่องจราจรตลอดสาย กว้าง 7.00 เมตร
เขตทางกว้างข้างละ 20.00 เมตร
ประวัติการก่อสร้างเส้นทาง
แนวเส้นทางสายนี้
เดิมเป็นทางลำลองของเหมืองแร่มหาลานนาและทางเดินเท้าเข้าสู่หมู่บ้านวัดจันทร์
อำเภอแม่แจ่ม (เดิม) จังหวัดเชียงใหม่ ความกว้าง 2.5 เมตร
กรมทางหลวงได้เริ่มก่อสร้างโดยขยายคันทางเดิมและปรับปรุงช่วงที่ลาดชันในปี พ.ศ. 2523-2524
จากนั้นได้ปรับปรุงเส้นทางช่วง 12 กิโลเมตรแรกเป็นผิวทางลูกรังในปี
พ.ศ. 2526 และได้เร่งดำเนินการก่อสร้างผิวทางลูกรังในส่วนที่เหลือเพื่อสนับสนุนศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์เมื่อปี พ.ศ.
2527 แต่เนื่องจากกำลังคนและเครื่องจักรไม่พอ
ทางแขวงการทางแม่ฮ่องสอนจึงดำเนินการจากกิโลเมตรที่ 12 ถึง 28
และศูนย์สร้างทางลำปางดำเนินการตั้งแต่กิโลเมตรที่ 28 เป็นต้นไป จากนั้นในปี พ.ศ. 2528 จึงได้ตัดลาดเชิงเขาแก้ความลาดชันเป็นแห่งๆ
ในช่วง 28 กิโลเมตรแรก และได้รับมอบเส้นทางช่วงกิโลเมตรที่ 0
ถึง 26+931 เป็นทางบำรุงเมื่อวันที่ 10
พฤษภาคม พ.ศ. 2528 ในภายหลังมีการปรับปรุงเส้นทางเป็นระยะๆ
ในช่วงปี พ.ศ. 2539-2545
จนกระทั่งการปรับปรุงล่าสุด
ทำให้เส้นทางนี้เป็นถนนลาดยางตลอดสายเมื่อปี พ.ศ. 2550
รายชื่อทางแยก
- - แยกแม่ปิง
- - แยกวัดจันทร์
สถานที่สำคัญบนเส้นทาง
- น้ำพุร้อนเมืองแปง
- หน่วยพิทักษ์ป่าแม่สา
- อ่างเก็บน้ำห้วยจันทร์ และอ่างเก็บน้ำห้วยอ้อ
- ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
- หมู่บ้านวัดจันทร์
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1270 (แยกทางหลวงหมายเลข
108 (กองลอย)-แม่แฮใต้) เป็นถนนขนาด 2ช่องจราจร โดยเริ่มต้นจากบ้านกองลอย อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่หรือเริ่มต้นจาก ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ที่บริเวณกิโลเมตรที่
55 และสิ้นสุดที่บ้านแม่โถ อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ทางแยกที่สำคัญ
-
แยกกองลอย
ถนนนิมมานเหมินท์ (ออกเสียง นิม–มาน–เห–มิน) ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นถนนสายสำคัญทางเศรษฐกิจสายหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่
เชื่อมระหว่างแยกรินคำ กับถนนสุเทพ โดยชื่อ นิมมานเหมินท์ เป็นชื่อสกุลของผู้บริจาคที่ดินบริเวณนี้
และในปัจจุบันกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ได้รับโอนสายทาง ถนนนิมมานเหมินท์
จากเทศบาลนครเชียงใหม่ ระยะทาง 1+327 กม.ทำให้สายทางหลวงแผนดินหมายเลข 11
ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ในปัจจุบันมีระยะทางเพิ่มขึ้น 1+327 กม. โดยถนนช่วงนี้จะเป็นช่วงถนนนิมานเหมินท์ทั้งสายจากแยกรินคำ
บรรจบกับถนนสุเทพ ใกล้แยกทางเข้ากองบิน 41 เพื่อรองรับโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยาย
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ช่วงท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่
- แยกรินคำ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (โครงการเดิมถูกยกเลิกไป
ปัจจุบันได้มีการนำมาศึกษาความเป็นไปได้ใหม่
และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีที่มาประชุมรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 15
มกราคม 2555)นายกี และ นางกิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ ชาวไทยเชื้อสายจีน
เป็นผู้บริจาคที่ดินให้แก่สาธารณะ เพื่อสร้างถนนเชื่อมถนนสุเทพ เข้ากับถนนห้วยแก้ว[1] จนกระทั่งในปัจจุบันถนนนิมมานเหมินท์
เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของจังหวัด เป็นถนนสายที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร
ที่พัก และแหล่งบันเทิงจำนวนมาก ทำให้ถนนสายนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ถนนสายที่ฮิตที่สุดของเชียงใหม่ถนนนิมมานเหมินท์
เป็นถนนสายสั้นๆ มีความยาวเพียงประมาณ 1.327 กิโลเมตร มีซอยทั้งหมด 17
ซอย(นิมมานเหมินท์ ซอย 1-17) เป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น